เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ BA.2คือ หนึ่งในสายพันธุ์ย่อยของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน พบครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 พฤษจิกายน2564 และมีการระบาดในหลายประเทศ อาทิ อังกฤษ เดนมาร์กอินเดีย เยอรมนี สวีเดน รวมถึงประเทศไทยในปัจจุบัน ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์ BA.2 จะมีโอกาสแพร่เชื้อต่อได้สูงกว่าผู้ติดเชื้อBA.1 อยู่ 1.4 เท่า
อาการป่วยจะคล้ายกับโอมิครอนสายพันธุ์ BA.1 ได้แก่ อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย, ปวดกล้ามเนื้อปวดเมื่อยเนื้อตัว, ไม่ค่อยมีไข้, รับรู้กลิ่นและรสชาติได้,อาจมีไอแห้งเล็กน้อย, เจ็บคอ และปอดอักเสบแต่ความรุนแรงของอาการป่วยไม่แตกต่างจากสายพันธุ์ BA.1
ส่วนการหลบภูมิคุ้มกันวัคซีน พบว่า BA.2 มีการดื้อวัคซีนขึ้นเล็กน้อยแต่ด้วยภูมิฯจากสายพันธุ์เดลตาก็จัดการโอมิครอนได้ลดลงแต่สิ่งที่เป็นเรื่องสำคัญคือ ยาโมโนโคนอลแอนติบอดี้ซึ่งเป็นยารักษาโควิดที่มีราคาแพงมากนั้น พบว่าสามารถรักษาโควิดสายพันธุ์อื่นได้รวมถึงสายพันธุ์โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.1 ได้แต่ไม่สามารถจัดการเชื้อโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2
นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์กลายพันธุ์เกิดขึ้นอีก คือโอมิครอนสายพันธุ์ BA.2.2 ที่ระบาดอย่างหนักในประเทศฮ่องกงมีความรุนแรงมากกว่า แต่ยังไม่พบผู้ป่วยสายพันธุ์นี้ในประเทศไทยรวมถึงสายพันธุ์ลูกผสมที่เป็นการรวมกันระหว่างสายพันธุ์หลัก ยกตัวอย่างเช่นสายพันธุ์ XE XJ ที่เป็นลูกผสมระหว่างโอมิครอน BA.1 และ BA.2 ด้วย อาจมีความรุนแรงไม่เท่าสายพันธุ์เดลต้าแต่ความสามารถในการแพร่กระจายของเชื้อและการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มมีมากกว่า
ไม่ว่ายังไงโควิดทุกสายพันธุ์ต่างก็เป็นไวรัสดังนั้นควรป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด ฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ และควรได้รับเข็มกระตุ้นเพื่อลดความรุนแรงของโรคและการเสียชีวิต